Monday, September 16, 2013

หอมปลาเผา รัชดา18 อาหารไทย อีสาน จุ่มแซ่บ รสเด็ด Mthai.com

ตามรอยนักชิมสัปดาห์นี้ มาเฟียฟู้ด จะพาสมาชิกเอ็มไทย ไปชิมอาหารอร่อยๆ แถวๆ รัชดากันครับ แต่ไม่ใช่ซอย 4 นะ เป็นซอย รัชดา18 ต่างหากครับ และไม่ใช่อาหารแนวดื่มกลางคืนแน่นอน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา งดแอลกอฮอลล์กันไปก่อนนะครับ สำหรับร้านที่เราจะพาไปชิมนี้ มีชื่อว่า หอมปลาเผา อาหารไทย อีสาน จุ่มแซ่บ รสเด็ด และบรรยากาศดีมากๆ ครับ ว่าแล้วก็ตามมาเลย
หอมปลาเผา

ปลาเผา
มุมปลาเผาด้านข้างของร้านหอมปลาเผา
หอมปลาเผา เป็นร้านอาหารไทย อีสาน จุ่มแซ่บ ปลาเผา ส้มตำ น้ำตก และอื่นๆ หลากหลายเมนู ที่เน้นในเรื่องความสะอาด อาหารรสชาติดี และบรรยากาศที่เป็นกันเอง เหมือนนั่งทานอาหารที่บ้าน โลโก้ร้านสะดุดตาด้วยรูปปลาสีส้มร้านตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นธรรมชาติ และของตกแต่งพื้นบ้านอีสาน เช่น ผ้าขาวม้า กระติ๊บ  ข้องใส่ปลาอันเล็กๆ ตกแต่งให้ดูธรรมชาติที่สุด และที่สำคัญคือ ร้านดูโปร่ง โล่ง สบาย แบบธรรมชาติ ไม่อึดอัด และลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย ด้วยน้ำพุที่อยู่กลางร้านอีกด้วย
homplapao-034
homplapao-053
homplapao-059
หลากหลายเมนูอาหารไทย อีสาน จุ่มแซ่บ
อาหารของร้านหอมปลาเผา มีหลากหลายเมนู เช่น เมี่ยงปลาเผา, ตำถั่วหมูกรอบ, ไก่ทอดหอมปลาเผา, ยำปูดอง, น้ำตกคอหมูย่าง หมึกผัดไข่เค็ม ส้มตำกว่า 16 อย่าง เป็นต้น
เมนูแนะนำ
homplapao-124
เมี่ยงปลาเผา (300.-) ปลาทับทิม พร้อมชุดผักเมี่ยงปลาเผา น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มหวาน หมี่ กระเทียมทอด และเครื่องเคียงอื่นๆ อีกหลายชนิด ถือว่าเป็นเมนูแนะนำที่แทบทุกโต๊ะต้องสั่ง.
homplapao-110


TOP 5 ตอน สเต็กหมู

Top 5 ตอน สุุกี้

TOP 5 ตอน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

Tuesday, August 27, 2013

Google Lat Long: Visit lion, tigers and (panda) bears - Oh, my! - w...

Google Lat Long: Visit lion, tigers and (panda) bears - Oh, my! - w...: Animal-lovers, rejoice! If you enjoy watching wildlife, but find yourself stuck in the urban jungle, never fear. You can now use Google Map...

Liquid Nitrogen ทำอาหารจะไม่เป็นอันตรายกับร่างกายหรือ


มีหลายท่านแอบสงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่าการใช้ Liquid Nitrogen ทำอาหารจะไม่เป็นอันตรายกับร่างกายหรือ? การทำอาหารโดย Liquid Nitrogen มีมาหลายปีแล้วในยุโรป เราเรียกศาสตร์แนวนี้ว่า Molecular Gastronomy และ Liquid Nitrogen มีอุณภูมิต่ำมากถึง -180C และที่สำคัญคือแก๊สไนโตรเจนไม่มีอันตรายถ้าควบคุมความเข้มข้นให้เหมาะสม สามารถนำมาใช้เป็นเทคนิคในการทำอาหารได้หลายแบบครับ โดยเฉพาะไอศครีมเพราะเป็นการลดระยะเวลาในการทำและเนื้อไอศครีมที่ได้จะเนียนนุ่มกว่าล่ะคร้าบ ^^

Saturday, August 24, 2013

สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ....


สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ.... 

1. น้ำตาล เช่น น้ำตาลทรายขาว โดยใช้น้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่น้อยมาก เกลือ มีสารจำเป็นที่เซลล์มะเร็งนำไปใช้ ควรงด หรือในปร...
ิมาณน้อย

2. นมจากสัตว์ ดื่มมากไปก็ไม่ดี

3. เซลล์มะเร็ง เจริญเติบโตในสภาพที่เป็นกรด การบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด ควรรับประทานอาหารประเภทปลา ดีกว่าหมู เนื้อ และเนื้อสัตว์ มีแบคทีเรีย ใช้โฮโมนในการเจริญเติบโตปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อคนไข้ที่เป็นมะเร็ง

4. 80% ของผักและนำผลไม้สด ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช จะช่วยให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง 20% จากอาหารที่ปรุงแล้ว น้ำผักและผลไม้สด จะให้เอนไซม์ที่ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อไปเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ที่ดี ดังนั้นควรดื่มน้ำผักสด และกินผักดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน

5. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ ช็อกโกแลต ที่มีคาเฟอีนที่สูง เป็นดื่มชาเขียวที่มี สารต้านมะเร็ง
ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำกรองดีที่สุด หลีกเลี่ยงน้ำประปา และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีสภาพเป็นกรด

6. เนื้อสัตว์ ย่อยยาก และต้องการเอนไซม์ในการย่อยเป็นจำนวนมาก และเนื้อที่ย่อยไม่หมด จะคงตกค้างอยู่ในลำไส้ อันนำไปสู่สารพิษตกค้าง

7. เซลล์มะเร็ง มีโปรตีนที่ยากแก่การทำลายเป็นเกราะป้องกัน การบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น

8. อาหารเสริมบางอย่างช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง เช่น วิตามินอี วิตามินซี

9. เซลล์มะเร็ง เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การควบคุมอารมณ์ และมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น อารมณ์โกรธ หรือความเครียดจะสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย ควรเรียนรู้ที่จะรัก และให้อภัย พักผ่อนและสนุกกับการใช้ชีวิต

10. เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตในที่มีออกซิเจนได้ การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจเข้าลึกลึก จะช่วยเพิ่มระดับ ออกซิเจนในเซลล์ การบำบัดด้วยออกซิเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำลายเซลล์มะเร็ง

Credit : หมอ สารภี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.moe.go.th/moe/th/blog/view-blog.php?memberid=1626&blogid=964

10 สัญญาณร่างกาย.....บอกว่าคุณเป็นโรค

ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40 ปี


ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40 ปี
1. ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่พอใช้ได้ก็พอ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงานไม่ใช่ที่เกรด
2. การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมากพอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน
3. เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่าอาชีพนั้น..สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง
4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่า และสิ่งสำคัญ
ที่ต้องจำไว้ คือ "ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด"
5. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณในชาตินี้ตลอดไป
6. ซื้อบ้านก่อนที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด
7. ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว
8. การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรกสู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมาคือต้องรู้จักลงทุน
9. อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้
10. คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้
11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งาน
เพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้
12. อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว เพราะความสามารถของคนเรามีมากกว่า 1 เสมอ
13. เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามาจงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือประสบการณ์
14. สร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมากไม่ใช่เรื่องสนุก
15. ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาว เพราะเมื่อมีครอบครัว การเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม
16. เลือกคู่ชีวิต จงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน
17. การมีแฟนหรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้ แต่ความเป็นพ่อแม่ลูก นั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ
18. ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต
20. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอมตัวเองให้มาก เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตหนักเกินไป

Thursday, August 22, 2013

Food Chatterbox: 100 Food To Eat Before You Die

Food Chatterbox: 100 Food To Eat Before You Die: So the Sun has done a facebook survey on top 100 food items people wanna eat before they die. Because I'm procrastinating today, here&#3...

Food Chatterbox: Dinner by Heston - just short of magical, but bloo...

Food Chatterbox: Dinner by Heston - just short of magical, but bloo...: One of my culinary dream while in the UK is to visit Fat Duck and try Heston Blumenthal's infamous menu. The dream has yet to come true ...

Southern Chapter Bartender Contest 2013


เนื่องจากสมาคมโรงแรมแรมไทยภาคได้ THA  ได้มีกำหนดการจัดการแข่งขัน Bartender ชิงแชมป์ภาคไต้ขึ้น ณ โรงแรม Phuket Glace Land ขึ้น ในวันที่ 1 กันยายน 2556 โดยมอบหมายให้ทางชมรม ผจก.ฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มเป็นผู้ดำเนินงานจัดการแข่งขัน ดังนั้นทางชมรมฯ จึงใครขอเรียนเชิญสมาชิกชมรม รวมทั้งสมาชิค THA ส่งพนักงานเพื่อเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อคัดเลือกตัวแทนจากภาคใต้เข้าแข่งขันระดับประเทศที่กรุงเทพ ต่อไป สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณ นิธิชัย เณรรักษา 081-4377518 และท่านสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่หน้าเวปครับ

Wednesday, August 21, 2013

ปุ่มคีร์บอร์ด F1 ถึง F12 รู้ไหมว่ามันทำอะไรได้บ้าง ?


หากท่านลองก้มลงไปดูที่คีย์บอร์ดของท่าน ตรงแถบบนสุด แน่นอนว่าจะเห็นเจ้า F1 ถึง F12 และเชื่อได้เลยว่าหลายๆท่านไม่ได้ใช้งานมันเท่าไหร่ หรือ บางท่านอาจจะไม่รู้จักมันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น เราจึงขอแนะนำ การทำงานคีย์ฟังก์ชั่นในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Microsoft Windows หรือที่ส่วนมากเรียกกันว่า “ฟังก์ชันคีย์” ซึ่งแต่ก่อนมีตั้งแต่ F1 จนถึง F32 แต่ปัจจุบันจะเห็นเพียง F1 ถึง F12 ซึ่งการใช้งานจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งและโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่เปิดอยู่ แล้วแต่ละทำงานอย่างไร เป็นตัวช่วยได้แค่ไหน หรือว่ามีประโยชน์อย่างไร ลองไปดูกันเลย

F1
มักจะใช้เป็นคีย์ช่วยเกือบจะทุกโปรแกรมจะเปิดหน้าจอ
ป้อนการตั้งค่า CMOS
Windows Key + F1 จะเปิดตัวช่วยของ Microsoft Windows
เปิดบานหน้าต่างงาน

F2
ใน Windows จะใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์หรือไอคอน
Alt + Ctrl + F2 เปิดเอกสารใหม่ในโปรแกรม Microsoft Word .
Ctrl + F2 จะแสดงหน้าต่างตัวอย่างก่อนพิมพ์ใน Microsoft Word
เข้าสู่การป้อนการตั้งค่า Bios หรือ CMOS

F3
จะช่วยเปิดคุณลักษณะการค้นหาในหลายๆโปรแกรมรวมถึง Microsoft Windows
ใน MS – DOS หรือ Windows ของบรรทัดคำสั่ง F3 จะทำซ้ำคำสั่งสุดท้าย
Shift + F3 จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อความใน Microsoft Word

F4
เปิดพบหน้าต่าง
ทำซ้ำการกระทำล่าสุด ( ตั้งแต่ Word 2000 ขึ้นไป )
Alt + F4 จะปิดโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ใน Microsoft Windows
Ctrl + F4 จะปิดหน้าต่างที่เปิดอยู่ในหน้าต่างที่ใช้งานในปัจจุบันใน Microsoft Windows

F5
ในทุกเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ต F5 จะรีเฟรชหรือโหลดหน้าเว็บหรือหน้าต่างเอกสาร
เปิดหน้าแทนที่ ค้นหา และไปที่หน้าต่างใน Microsoft Word
เริ่มสไลด์โชว์ใน PowerPoint

F6
เป็นการย้ายเคอร์เซอร์ไปที่ Address bar ใน Internet Explorerและ Mozilla Firefox .
Ctrl + Shift + F6 เปิดไปยังเอกสารอื่น ๆ ใน Microsoft Word

F7
ปกติจะใช้เพื่อตรวจสอบการสะกดและไวยากรณ์ตรวจสอบเอกสารในโปรแกรม Microsoft เช่น Microsoft Word, Outlook, เป็นต้น
Shift + F7 ทำงานตรวจสอบบนคำที่ไฮไลต์
เป็นการเปิดการใช้งานเลือนหน้าต่างด้วยปุ่มลูกศรบนคีย์บอร์ดใน Mozilla Firefox

F8
แป้นฟังก์ชันที่จะใช้ในการเข้าสู่เมนูเริ่มต้น Windows, นิยมใช้ในการเข้าถึง Windows แบบ Safe Mode .

F9
เปิดแถบเครื่องมือวัดใน Quark 5.0

F10
ใน Microsoft Windows เปิดใช้งานแถบเมนูของโปรแกรมที่เปิดอยู่
Shift + F10 เป็นเช่นเดียวกับการคลิกขวาบนไอคอนที่ไฮไลต์ไฟล์หรือการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต
เป็นการเข้าถึงการกู้คืนพาร์ทิชันที่ซ่อนอยู่ ของ HP และ Sony คอมพิวเตอร์
ป้อนการตั้งค่า CMOS .

F11
การทำโหมดเต็มหน้าจอในเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ต
CTRL + F11 เป็นการเข้าถึง การกู้คืนพาร์ทิชันที่ซ่อนอยู่ในคอมพิวเตอร์ของ Dell
การเข้าถึงการกู้คืนพาร์ทิชันที่ซ่อนอยู่บน eMachines, Gateway, และคอมพิวเตอร์ Lenovo

F12
เป็นการเปิดหน้าที่ทำการบันทึกใน Microsoft Word
SHIFT + F12 เป็นการบันทึกเอกสาร Microsoft Word
Ctrl + Shift + F12 เป็นการพิมพ์เอกสารใน Microsoft Word

(หมายเหตุ การแสดงความคิดเห็นให้ระวังภาษาที่ไม่สุภาพ ทางทีมงานจะลบทิ้งทันที เพื่อไม่ให้เกิดาพความเสียหายต่อเยาวชน)

ヾ(เยาวชนคนข่าว.♥♥)ノขอขอบคุณแหล่งข่าวมา ณ ที่นี้

สำนักข่าวเด็กและเยาวชน สื่อ online สร้างเครือข่าย ไร้พรมแดน

Thursday, August 15, 2013

น้ำพริกมะขามสด


"น้ำพริกมะขาม" ... เป็นหนึ่งในเมนูน้ำพริก ที่ต้องเรียกว่าเป็นเมนูประจำบ้านพิมช่วงหน้าฝนเลยค่ะ  เหตุว่าเพราะทำไม่ยาก วัตถุดิบไม่เยอะ  ทำแล้วก็เก็บไว้กินได้นาน  ... วันนี้พิมก็เลยอยากเอาเมนูนี้มาฝากเพื่อน ๆ กันน่ะค่ะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
1. มะขามอ่อน  100 กรัม
2. หมูสามชั้น หรือ หมูสับ 250 กรัม
3. พริกขี้หนูสวน 70 เม็ด
4. พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ สีแดง 5 เม็ด  (ไมได้ถ่ายรูปมา)
5. กระเทียม 1.5 หัว
6. กะปิ 2 ชต.
7. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
8. น้ำปลา 1.5 ชต.
9. เกลือป่น 1/2 ชช.
10. น้ำมันสำหรับผัด 3 ชต.
ป.ล. ปริมาณน้ำตาล น้ำปลาที่ต้องใช้จริง ๆ  อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นกับความเปรี้ยวของมะขาม  (มะขามแต่ละพันธุ์-ขนาดฝักไม่เท่ากันก็เปรี้ยวไม่เท่ากัน)  ความเค็มของกะปิ และความหวานของน้ำตาลค่ะ  ที่พิมทำจะออกเปรี้ยวนำหวานเล็กน้อย
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-03.jpg
 :: เตรียมส่วนผสม และ วิธีทำ  ::
"หมูสับ" ..... พิมใช้วิธีเอาหมูสามชั้นมาสับเองค่ะ  ก็ใช้หมูประมาณ 2.5 ขีด นะคะ เอามาล้างน้ำ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วก็นำมาสับให้ละเอียด    .... (ก่อนจะสับ ให้หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนนะคะ จะได้สับง่าย)  ... แต่ถ้าใครขี้เกียจสับ ซื้อแบบเป็นหมูสับมาแล้วก็ได้  เลือกที่มีผสมมันด้วยนะคะ (แต่ไม่ต้องเยอะ)  เพราะน้ำพริกมะขามผัดเนี่ย จะให้นุ่มนวล อร่อย หมูสับต้องติดมันหน่อย ๆ ค่ะ  ไม่งั้นเนื้อจะแข็งไป ..... สับเสร็จแล้ว ก็พักเอาไว้ก่อน
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-14.jpg
"มะขามอ่อน" ... พิมเลือกใช้ฝักที่อ่อนประมาณนี้ค่ะ  ... นำมาแช่น้ำแป๊บนึง สัก 1-2 นาที  แล้วเอานิ้วถู ๆ ที่ฝัก ให้สิ่งที่เป็นผง ๆ หลุดออกไป  แล้วก็ล้างน้ำอีกรอบนึง .. ใส่ตะกร้าโปร่งให้สะเด็ดน้ำ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-06.jpg
จากนั้นก็นำมาใส่ครก + เติมเกลือลงไปหน่อยนึง   ... แล้วก็ตำให้ละเอียดค่ะ .... ตำเสร็จ ก็ตักออกใส่ถ้วยใส่ชามเอาไว้ก่อน
ป.ล. ใส่เกลือตอนตำมะขาม จะทำให้มะขามที่ตำแล้ว สีไม่ดำค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-08.jpg
"พริกขี้หนู" ... ปกติพิมจะใช้แต่พริกขี้หนูสวนอย่างเดียว  แต่พอดีวันนี้ไม่มีพริกสวนที่เม็ดแดง ๆ ก็เลยต้องใช้พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดงมาช่วยเพิ่มสีสันด้วย (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา)  ... ก็เอาพริกทั้งสองอย่าง เด็ดขั้ว  ล้างน้ำ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-04.jpg
แล้วก็นำพริกขี้หนูสวนกับพริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง  ..... ใส่ครก ตำหยาบ ๆ ...... (ใช้ครกที่โขลกมะขามแหละค่ะ ไม่ต้องล้าง)
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-09.jpg
แล้วก็ปอกกระเทียมใส่ตามลงไป  (ตัดเฉพาะหัวท้ายกระเทียม และปอกเปลือกที่แข็ง ๆ ... เปลือกอ่อนสีชมพู ไม่ต้องปอกก็ได้ค่ะ)  .... ตำให้ละเอียด  ... แล้วก็ใส่กะปิลงไป
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-10.jpg
เติมน้ำตาลปี๊บ   .... ตำเบา ๆ ให้เข้ากัน  แล้วก็ใส่มะขามอ่อนที่ตำไว้ตอนแรก ... โขลกให้เข้ากันดีอีกครั้ง
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-11.jpg
สุดท้ายก็ใส่หมูสับที่เราเตรียมเอาไว้  และเหยาะน้ำปลาลงไปหน่อย  ....... เคล้า โขลกเบา ๆ ให้เข้ากันดี
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-15.jpg
ก็เป็นอันเรียบร้อย  .... ได้ส่วนผสมน้ำพริกมะขามสำหรับเตรียมเอาลงกระทะไปผัด หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-16.jpg
จากนั้นก็มาตั้งกระทะ (สำหรับจะผัด)  ใส่น้ำมันลงไปหน่อย
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-17.jpg
พอน้ำมันร้อน ก็ตักส่วนผสมใส่ลงไปเลยค่ะ ...  แล้วก็เอาตะหลิวยี ๆ ให้หมูกระจายตัว  ...... ค่อย ๆ ผัดไปเรื่อย ๆ ไฟกลางค่อนมาทางอ่อน ..... ใจเย็น ๆ  (ระวังไหม้)
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-19.jpg
พอหมูสุก และส่วนผสมเริ่มแห้ง ... ก็ทำการชิมค่ะ ว่าได้รสชาติถูกใจเราไหม ... ซึ่งรสชาติของน้ำพริกมะขามที่พิมชอบ ก็คือ เปรี้ยวนำ (แต่ไม่จี๊ด) หวานนิด ๆ เผ็ดพอประมาณ  และเค็มตามค่ะ ... ซึ่งถ้าขาดรสอะไรไป ก็เติมตามชอบเลยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-20.jpg
จากนั้นก็ผัดต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรารู้สึกว่า ... น้ำพริก... มันไม่ค่อยแฉะแล้ว ... ก็ดับไฟ ตักขึ้นใส่จานหรือใส่กล่อง ..... เก็บไว้กินได้ไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์เลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-22.jpg
เนื่องจากว่า น้ำพริกมะขามผัดกระทะนี้  .. พิมไม่ได้ทำไว้กินเอง  แต่ทำส่งไปให้พ่อกับแม่คุณแฟนที่สุราษฎร์  ก็เลยไม่ได้เตรียมผักเอาไว้ประกอบฉาก ^^"  ...... ไปค้น ๆ ดูในตู้เย็นและรอบบ้านก็มีแต่ผักอะไรที่ไม่เข้ากัน .... แต่ก็นะคะ  ไม่เป็นไรเน๊าะ  ไม่ได้กินเข้าไป ... แค่เอามาประกอบฉากเท่านั้นเอง  ^^
ป.ล. สำหรับผักทั่วไป ที่พิมว่ากินกับน้ำพริกมะขามแล้วอร่อยมาก ๆ ก็มีแตงกวา ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือตอแหล  ... แต่จริง ๆ แล้ว มีผักอะไรที่ชอบ ก็เอามากินด้วย ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-01.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/fried-spicy-tamarind-dip/fried-spicy-tamarind-dip-02.jpg
ยังไงถ้าใครสนใจ ... ลองทำดูนะคะ ... ดูจากรูป อ่านจากข้อความ อาจจะรู้สึกว่าวุ่นวายจัง ยากจริง ... แต่ถ้าได้ลงมือทำแล้ว เพื่อน ๆ อาจจะบอกว่า "ทำไมมันง่ายอย่างนี้เนี่ยยยยยยย"
Credit : http://pim.in.th/nampric/88-fried-spicy-tamarind-dip

Monday, August 12, 2013

5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้าน


เชื่อว่าทุกคนคงเจอปัญหาไวไฟ (Wi-Fi) ในบ้านไม่ลื่นไหล ติดๆ ขัดๆมาดูวิธีง่ายๆ ในการปรับแต่งการใช้งานให้สัญญาณ Wi-Fi ในบ้านแรงขึ้นกัน ไม่อยากเลย
เริ่มที่ 1.แนะนำให้ตั้งค่าของเราท์เตอร์เป็น N-mode only เพื่อให้ได้ความเร็ว และรัศมีครอบคลุมการใช้งานสูงสุด การคั้งค่าเป็น b/g/n เพื่อให้สนับสนุนการเชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าทีทำงานช้ากว่า หากพีซีทีใช้มาพร้อมกับการ์ดเชื่อมต่อด้วย Wireless-G แนะนำให้มารุ่นใหม่ที่เป็น Wireless-N มาใส่แทน 2. หาฮวงจุ้ยที่เราท์เตอร์สามารถให้สัญญาณได้แรงที่สุด เราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์ "ขี้ร้อนควรวางมันในที่เปิดโล่ง อย่างเช่น ตรงกลางบ้าน พยายามให้อยู่ห่างจากผนัง และสิ่งกีดขวาง อย่างเช่น ตู้เอกสารที่ทำจากเหล็ก ไม่ควรวางเราท์เตอร์ให้เสาสัญญาณชิดติดกำแพง 3.ต้องเปลี่ยนช่องสัญญาณ (Channel) ทีมีให้เลือก 1 - 11 แชนเนล 4. แนะนำให้วางเราท์เตอร์ห่างไกลจากโทรศัพท์ไร้สายภายในบ้าน อุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ตลอดจนเตาอบไมโครเวฟ เพื่อลดสัญญาณรบกวน
อันดับสุดท้าย ดูแลเน็ตเวิร์กให้ปลอดภัย ตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ อย่างเช่น การเข้ารหัส ซึ่งเราท์เตอร์ใหม่ๆ ย่อมดีกว่า การโดนข้างบ้านแอบใช้สัญญาณไวไฟของคุณ

Thursday, August 8, 2013

สูตรวยเตี๋ยวเย็นตาโฟร์

เครื่องปรุง

ก๋ยวเตี๋ยวเส้นใหญ่ เส้นเล็ก หรือ เส้นหมี่หรือบะหมี่
เต้าหู้พวงหั่นครึ่ง
ปลาหมึกสดลวก
กุ้งสดลวก
ลูกชิ้นปลาลวก
ปลาหมึกกรอบ จขบ ไม่มีปลาหมึกกรอบ ใช้เห็ดหูหนูขาวแทน
เกี๊ยวทอด
ฮื่อก๊วยหั่นแฉลบ
ผักบุ้งหั่นท่อน จขบ ไม่มีผักบุ้ง ใช้ผักกาดหอมแทน
กระเทียมเจียว
น้ำซุป

วิธีทำ

-ทอดเต้าหู้พวงให้กรอบ ทอดเกี๊ยว กุ้ง ลูกชิ้นปลา ฮื่อก๊วยหั่นแฉลบ ปลาหมึกกรอบ
หั่นแฉลบแช่น้ำไว้ถ้ามี ไม่มีใส่เห็ดหูหนูขาวแทนก็ได้ ปลาหมึกสด กุ้ง ลูกชิ้นปลา 
ลวกไว้

-ลวกเส้น ลวกผักบุ้ง คลุกน้ำมันกระเทียมเจียว ใส่ซอสแดง ใส่เต้าหู้ ฮื่อก๊วย 
ปลาหมึกกรอบ กุ้ง ลูกชิ้นปลา เกี๊ยวทอด ตักน้ำซุปราด โรยด้วยกระเทียมเจียว 
เสิร์ฟร้อนๆ

หมายเหตุ ถ้าทำชนิดแห้ง ให้คลุกซอสแดงให้เข้ากันกับเส้นจนเป็นสีแดงเสมอ
กันหมด จึงใส่เครื่องทุกอย่าง

วิธีทำน้ำซุป

ต้มเคี่ยวน้ำ 8 ถ้วย กับเอียวเล้ง 1 ท่อน น้ำตาลกรวด 1 ช้อนโต๊ะ รากผักชี
2-3 ราก กระเทียมบุบ 1 หัว พริกไทย 10 เม็ด ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา ใช้ไฟอ่อนๆ หมั่นช้อนฟองทิ้ง

ถ้าไม่สะดวกก็ใช้รสดีทำน้ำซุปก็ได้นะคะ 

เครื่องปรุงซอสแดงแบบที่ 1

น้ำเต้าหู้ยี้ น้ำตาลทราย อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ น้ำกระเทียมดอง อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

เครื่องปรุงน้ำเต้าหู้ยี้เย็นตาโฟร์แบบที่ 2

เต้าหู้ยี้ 3 ก้อน
กระเทียม 3-4 หัว
รากผักชี 2-3 ราก 
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสแป้งผสมสี 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

โขลกกระเทียม และรากผักชี ให้ละเอียด แล้วตามด้วยเต้าหู้ยี้ ผสมให้เข้ากัน
ใส่ลงผัดในน้ำมันพืชผัดให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู เติมเกลือ 
ซอสแป้งผสมสี คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ก็เป็นอันใช้ได้
ซอสแป้งผสมสี หาซื้อได้ตามตลาดแถวเมืองไทย

เครดิต : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kukkai&month=12-2008&date=01&group=18&gblog=5

ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา (สูตรโบราณ)


เครื่องปรุง

ลูกชิ้นหมู-เนื้อ
พริกน้ำส้ม
ถั่วงอก ผักบุ้ง
กระเทียมเจียว
หมู เนื้อ ตับ ตามชอบ
ผักโรยหน้า ผักชีฝรั่ง ผักขึ้นฉ่าย โหระพา

เครื่องปรุงน้ำซุป 

ข่า ๒ หัว
ใบเตย ๑ กำ
รากผักชี ๖-๗ ราก
อบเชย ๑/๒ ขีด
ผงชูส ๒ ช้อนโต๊ะ
กะทิสด ๑ กิโลกรัม
เลือดสด ๒ กระบวย
ดอกโป๊ยกั้ก ๑ ช้อนโต๊ะ
เหล้าเซียงชุน ๑/๒ กระบวย
กระเทียมสดตำ ๒ ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ๑ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง ๑ ถุง ๕ บาท
กระดูก(หมู-เนื้อ) ๑ ๑/๒ กิโลกรัม
ซีอิ๊วดำ(สูตร ๕ ตราเด็ก) ๑/๒ กระบวย
ซีอิ๊วขาว(สูตร ๕ ตราเด็ก) ๑ กระบวย 
เต้าหู้ยี้(บดให้ละเอียด ) ๑ ๑/๒ ก้อน
น้ำตาลโอทึ้ง(น้ำตาลอ้อย) ๑ กระบวย
พริกหอม(หรือเรียกว่ามะแขว่น) ๒ ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว สูตร ๒ ( บดให้ละเอียด) ๑/๒ กระบวย
รสดีหมู-เนื้อ(หรือ คะนอร์ ๒ ก้อน) ๑ ๑/๒ ซอง
ซอสภูเขาทอง(หรือ ง่วนเชียง ฝาน้ำตาล)๒ กระบวย

หมายเหตุ กระบวยที่ใช้ เบอร์ ๒ ประมาณ ๔.๘ นิ้ว
วิธีทำน้ำซุป

๑. ใช้หม้อซุป เบอร์ ๑๖ นิ้ว เติมน้ำลงไป ประมาณ ๑๔ ลิตร

๒. พอน้ำเดือดให้นำเอากระดูกหมูใส่ลงไป เสร็จแล้วปิดฝาหม้อ

๓. ระหว่างรอน้ำเดือดให้นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมลงไปกะละมัง
ยกเว้น เครื่องปรุง ๕ ตัว คือ รากผักชี พริกหอม เม็ดผักชี โป๊ยกั้ก
และอบเชย ให้นำไปห่อผ้าขาวบาง

๔. พอเดือดครั้งที่ ๒ ให้เอาเครื่องที่ปรุงที่ผสมไว้ในกะละมังแล้ว
ลงหม้อซุป และปิดฝาหม้อเพื่อเร่งน้ำให้เดือด

๕.พอเดือดครั้งที่สามใส่กะทิสดและเลือด ใช้ที่ลวกเส้นเขย่า
(ตีน้ำ)ประมารณ ๔-๕ นาทีเพื่อไม่ให้เลือดและกะทิ จับเป็นก้อน 
และทำให้ส่วนสมทั้งหหมดเป็นเนื้อเดียวกัน(ไม่มีเลือดใส่แต่กะทิก็ได้)

๖.ขั้นตอนสุดท้าย ให้นำเครื่องปรุงที่ห่อผ้าขาวบาง คือ พริกหอม อบเชย
(เอาไปคั่วรวมกันให้พอเหลืองๆเพื่อเพิ่มความหอม แล้วเอามาโขลกพอ หยาบๆ)
รวมถึงรากผักชี โขลกพอแตกใส่ลงไปในหม้อซุป ตามติดด้วยใบเตย
และข่า ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

Wine, Beer & Booze Pairings For Every Thanksgiving Dish

Wine, Beer & Booze Pairings For Every Thanksgiving Dish

Pairing Wine and Food

Pairing Wine and Food

Pairing Wine and Cheeses

Pairing Wine and Cheeses

Translate

ข่าวโรงแรม : Hotel News in Thailand

งานโรงแรม : Hotel Job in Thailand